ข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์เรื่องอดิศรเป็นตัวการลอบตัดไม้เถื่อน กวนใจรัศมีอย่างหนัก จนต้องไปไล่เบี้ยเอากับศักดา และแม้เขาจะพยายามแก้ต่างและแก้ตัวแทนลูกชายแค่ไหน เธอก็ดูจะไม่ค่อยเชื่อ
“มันอยากจับคน เขียนอะไรก็ได้ ผมถามหน่อย ผมกำลังจะสร้างโครงการใหญ่ จะลดตัวไปทำเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร ต่อให้เป็นก่อนหน้านี้ มันก็ไม่จำเป็น ผม...พ่อเลี้ยงศักดา มีรีสอร์ต มีโรงไม้ตั้งหลายแห่ง จะทำตัวเป็นโจรเพื่อ!”
รัศมีชะงักไปอึดใจ น้ำเสียงหนักแน่นของคนรัก ทำให้เริ่มลังเล แต่ไม่ทันโต้อะไร โทรศัพท์ในบ้านก็ดังเสียก่อน แต่ศักดาก็ไม่สนใจ สั่งให้ลูกน้องรับสายแทน ส่วนตัวเองจะกล่อมรัศมีต่อ
“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ส่วนไอ้ศร...ต้องมีคนยุมัน มันคงไม่ได้คิดจะขโมยจริงจัง แต่มันคงทำไปเพราะความแค้น คุณก็รู้ว่าไอ้สีหนาทนั่น มันคอยขัดแข้งขัดขา ขัดผลประโยชน์พวกเราตลอด นี่มันคงแค้น อยากเอาคืนบ้าง”
“จะบอกว่าลูกชายคุณทำเรื่องเสี่ยงๆ แค่เพราะล้างแค้นอย่างเดียว”
“ก็มันโง่ไง โธ่เอ๊ย...ผมไม่น่ามีลูกอย่างมัน รัศ...แค่เรื่องมันก็ทำผมปวดหัวจะแย่แล้ว คุณเข้าใจผมหน่อยได้ไหม เชื่อผม ผมทำทุกอย่างเพื่อเรา ฝันของเรากำลังจะเป็นจริง อย่าให้คำครหาคนอื่น ทำให้เราไขว้เขวสิ”
โทรศัพท์ในบ้านยังดังไม่หยุด จนศักดาฉุนขาด แหวลั่นให้ลูกน้องถอดสายทิ้ง แต่ไม่ทันได้ขยับ ทุกคนก็ต้องหน้าเจื่อน เมื่อเห็นว่ากรกชบุกเข้ามาเชิญพ่อเลี้ยงใหญ่
ถึงถิ่น ไปให้ปากคำที่โรงพัก พร้อมหมายค้นบ้านอย่างเป็นทางการ จนพ่อเลี้ยงใหญ่ถึงกับค้านไม่ออก
ไม่ใช่แค่ตำรวจที่บุกมาคุมตัวศักดา กองทัพนักข่าวมากมายก็มารุมขอสัมภาษณ์ด้วย เพราะประเด็นลอบตัดไม้ของอดิศรเป็นข่าวใหญ่ที่ใครๆก็จับตามอง พ่อเลี้ยงใหญ่หัวเสียมาก แต่ก็ต้องพยายามข่มอารมณ์ไว้ ไม่โวยวายให้เป็นข่าวมากกว่านี้ แต่คนประสาทเสียกว่า กลับเป็นรัศมี ซึ่งถูกพวกนักข่าวรุมทึ้งแทน
“ฉัน...ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พ่อเลี้ยงกับลูกชายเขาไม่มีเหตุผลอะไรต้องทำเรื่องแบบนั้น”
จุฑารัตน์มาทำข่าวด้วย อดท้วงไม่ได้ ที่เห็นแม่ของเพื่อนรักเข้าข้างคนผิด “แต่มีหลักฐานจับกุมนายอดิศรชัดเจนนะคะ แล้วก็มีคนบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตหลายราย เหตุรุนแรงขนาดนี้ จะพูดว่าไม่ได้ตั้งใจได้เหรอคะ”
รัศมีถึงกับจุก แต่ยังแถกลบเกลื่อน “จะมาถามอะไรก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่อย่าลืม...ว่าตัวเองเป็นแค่นักข่าว ฉันเข้าใจว่าเธอต้องเขียนข่าว ต้องทำมาหากิน แต่มันไม่ใช่หน้าที่เธอจะมาตัดสินพ่อเลี้ยงกับลูกชายว่าเป็นคนผิด ถ้ายังพูดจาไม่ระวังปากแบบนี้อีก ถึงเป็นคนรู้จัก ฉันก็จะไม่เกรงใจ อย่าให้ต้องมาฟ้องหมิ่นประมาทกับคนกันเองเลย”
พูดจบก็สะบัดหน้าเข้าบ้าน ทิ้งจุฑารัตน์ให้มองตามด้วยความละเหี่ยใจ...เบื่อที่รัศมีไม่ยอมรับความจริงบ้างเลย
เวลาเดียวกันที่บ้านพักของราม...หนูนาหรือนาราลากพ่อไปคุยด้วยน้ำเสียงจริงจัง อยากให้เขาช่วยห้ามและปรามแม่ ไม่ให้เอาตัวไปพัวพันกับศักดาและอดิศร รามถอนใจเหนื่อยหน่าย รู้นิสัยอดีตภรรยาดีว่าคงยากเกินเยียวยา แต่ก็ไม่อยากพูดให้ลูกสาวใจเสีย เลยได้แต่ยื่น มือถือให้เธอโทร.ไปเตือนแม่เอง
ooooooo
รัศมีไม่ได้รับสายลูกสาว มัวกระฟัดกระเฟียดคนเดียว ทั้งเรื่องศักดากับอดิศร ที่เอาตัวไปยุ่งกับคดีใหญ่จนชื่อเสียงเธอพังย่อยยับ ทั้งเรื่องจุฑารัตน์ที่เอาแต่ยิงคำถามกวนประสาท สุดท้ายก็นารา ลูกสาวคนเดียวที่ไม่เคยเชื่อฟัง รั้นจะมาตามหาพ่อ จนเธอต้องมา พลอยลำบากไปด้วย
นาราเห็นแม่ไม่รับสายก็เริ่มเครียด ได้แต่ฝากข้อความไว้ให้แม่โทร.กลับ สีหนาทเห็นเธอทำท่าจ๋อยๆ ก็พยายามปลอบ พอเดาได้ว่ารัศมีคงวุ่นวายไปกับพวกศักดาด้วย เพราะอดิศรเป็นลูกชายคนเดียวของคนรัก และนักข่าวกับตำรวจก็เกาะติดเรื่องนี้ไม่ปล่อย คงเลี่ยงเอาตัวรอดไม่ได้ง่ายๆ
แต่เรื่องที่ทำให้สีหนาทกับนาราเครียดมากกว่า คืออาการเป็นลมของขนิษฐา ซึ่งบึ่งรถมาจากโรงแรมในเช้าวันเดียวกัน ทันทีที่ทราบเรื่องญาติหนุ่มกับรามไปดักจับไม้เถื่อน ร้อนถึงหมอประจำไร่ต้องรุดมาดูอาการสีหนาททิ้งให้ผู้ช่วยสาวดูแลอาการของญาติสาว นาราเลยได้ค้นพบความลับบางอย่างของขนิษฐาว่าแอบหลงรักพ่อของเธอ แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายลำบากใจ
ขนิษฐาตื่นมาเห็นผู้ช่วยสาวตัวเล็กของญาติหนุ่ม เลยขอให้เล่าเรื่องราวทั้งหมด แล้วก็ถึงกับถอนใจโล่งอก เมื่อได้ยินว่าทุกคนปลอดภัยดี ไม่ถูกยิงหรือบาดเจ็บสาหัสอย่างที่นึกกลัวมาตลอดทางแต่กระนั้น...ขนิษฐาก็อดเคืองไม่ได้ ที่ทุกคนปิดบัง ไม่ยอมให้เธอรู้เรื่อง หนูนาพยายามแก้ตัวแทนว่าสีหนาทคงไม่อยากให้เป็นกังวล ขนิษฐาก็เข้าใจ แต่ยังอดตัดพ้อด้วยความน้อยใจไม่ได้
“ปิดบังแบบนี้สิ ฉันยิ่งไม่สบายใจ เดี๋ยวก็ต้องคอยกังวลว่าวันไหนจะได้อ่านข่าวว่าคนที่ฉันรัก เกิดบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไป หนูนา...ฉันคงทนไม่ได้ ฉันน่ะเบื่อที่จะรู้เรื่องเป็นคนสุดท้ายเต็มที”
นาราได้ยินเช่นนั้น ก็ถึงกับถอนใจยาว ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงเรื่องตัวเอง
“คุณน้องคะ...ยังมีอีกเรื่องที่คุณน้องยังไม่ทราบคือที่หนูนามาทำงานในไร่นี้ จริงๆแล้ว...หนูนามาตามหาพ่อ”
“นึกอยู่เหมือนกัน เพราะท่าทางเธอไม่เหมือนคนมาสมัครงานในไร่เลย เอ๊ะ...แต่ฉันไม่เคยรู้ว่าใครในไร่นี้มีลูกสาว” พูดไม่ทันจบก็ชะงัก เหมือนเพิ่งคิดได้ว่ายังมีอีกคน “ไม่...เป็นไปไม่ได้ น้ารามงั้นหรือ”
อาการนิ่ง ไม่ปฏิเสธของอีกฝ่าย ทำให้ขนิษฐาพูดไม่ออก สับสน ทั้งยินดีและอิจฉา ผสมปนเปจนแยกไม่ออก
“ฉันรู้คนสุดท้ายอีกตามเคย” ขนิษฐาประชดประชันด้วยความน้อยใจ ก่อนจะข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน ฝืนยิ้มและแสดงความยินดีกับหนูนาจากใจจริง “ฉันฝากบอกน้ารามด้วยว่าฉันยินดีด้วยที่น้ารามได้เจอครอบครัวที่น้าราม...
รักและรอเขามาตลอด ฉันดีใจด้วยจริงๆ”
นาราถึงกับอึ้งไปอึดใจ อยากจะเอ่ยคำพูดปลอบประโลมบางอย่าง แต่ดันเหลือบไปเห็นสายตาปรามของสีหนาทจากหน้าห้อง บอกให้รู้ว่าเขาจะจัดการเคลียร์กับญาติสาวด้วยตัวเอง
หลังปล่อยให้สีหนาทจัดการกับขนิษฐา นาราก็ผละไปโทร.หาตา เพื่อส่งข่าวว่าเธอปลอดภัยและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องลักลอบตัดไม้ วรรณถึงกับถอนใจยาว โล่งอกมากที่ได้คำยืนยันจากหลานสาวคนโปรด แต่กระนั้น... ก็อดห่วงไม่ได้ ตามประสาคนที่เลี้ยงดูและอบรมกันมานาน
ooooooo
สีหนาทปล่อยให้ญาติสาวอยู่ตามลำพังจนถึงเวลากินข้าวกลางวัน จึงถือโอกาสเข้าไปคุยด้วย ขนิษฐาเห็นหน้าญาติหนุ่มก็เบือนหน้าหนี ซ่อนอารมณ์เสียใจที่รู้เรื่องลูกสาวของราม ราชสีห์หนุ่มพอเข้าใจสถานการณ์ของเธอดี แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ และเลือกจะถามถึงเรื่องอื่นก่อน
“น้องโกรธพี่เหรอที่ออกไปจับไม้โดยไม่บอกก่อน พี่เองก็ไม่คิดว่ามันจะกะทันหันแบบนี้ แต่ไม่ไปก็ไม่ได้”
ขนิษฐาส่ายหน้า ตัดบท “น้องไม่ได้โกรธอะไรพี่สิงห์อีกแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้างั้น...เสียใจเรื่องอะไร...เรื่องน้าราม”
สีหน้าซีดขาวของญาติสาว ดวงตาบอบช้ำเหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก เป็นคำตอบรับที่สีหนาทรับรู้ได้ ขนิษฐาโถมตัวหาญาติหนุ่ม สะอื้นไห้อย่างสุดกลั้น พร้อมกับพึมพำถามว่าเขารู้ได้อย่างไร
“น้องเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ ทำไมพี่ถึงจะไม่รู้ว่าน้องเกลียดใคร...รักใคร”
แววตาอบอุ่นและน้ำเสียงอาทรของญาติหนุ่ม ทำให้ขนิษฐาข่มความอัดอั้นตันใจต่อไปไม่ไหว
“พี่สิงห์...น้องพยายามตัดใจแล้ว...แต่มันเจ็บเหลือเกิน น้องควรจะยินดีกับน้าราม แต่น้องกลับรู้สึกอิจฉา...ที่เขามีความสุข มีความสุขกันได้โดยไม่ต้องมีน้อง น้องเป็นผู้หญิงใจร้ายใช่ไหม น้องก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้”
“ใจเย็นๆนะยายน้อง บางทีทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดไว้ก็ได้”
“ไม่ต้องปลอบน้องหรอกค่ะ คนอย่างน้าราม...ถ้าเขาไม่มั่นคงกับภรรยา เขาคงไม่อยู่คนเดียวมาจนถึงตอนนี้ หัวใจเขาคงจะไม่เปิดให้ใครอีกแล้ว น้องจะพยายามตัดใจให้ได้ แต่มันทำไม่ได้...ทำไม่ได้จริงๆ”
สีหนาทสงสารเธอจับใจ กระชับอ้อมแขนแน่น พลางปลอบเสียงอ่อน “ถ้ายังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน มันไม่ผิดหรอกนะน้อง ที่เราจะรักคนดีๆสักคน ถ้ารักนั้นไม่ได้ทำลายคนที่เรารัก และคนอื่นๆรอบตัวเขา และพี่เชื่อ...ว่าถ้าเรารักด้วยหัวใจทั้งหมด รักด้วยความดี ความบริสุทธิ์ใจ และความมั่นคงไม่มีวันเปลี่ยน ความรักนั้นจะไม่สูญเปล่าแน่”
กว่าจะกล่อมให้ขนิษฐากินข้าวและทานยาตามหมอสั่งได้ สีหนาทก็แทบหมดแรง แต่เมื่อเจอหน้าผู้ช่วยสาวตัวเล็กในเวลาต่อมา ก็อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้
“ยายน้อง...เขาเคยบอกอะไรเธอหรือเปล่า”
“ถ้าคุณหมายถึงเรื่องพ่อ คุณน้องไม่ได้บอกค่ะ แต่ฉันพอเดาได้เมื่อกี้นี้ ตอนที่ไปดูอาการคุณน้อง”
“แล้ว...รู้สึกหวงบ้างหรือเปล่า”
“แปลกใจมากกว่าค่ะ เพราะไม่เคยคิดมาก่อน แต่พอรู้แล้ว ฉันคิดว่าฉันเข้าใจคุณน้องค่ะ เข้าใจและเห็นใจ”
คำตอบของหนูนาทำให้สีหนาทยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู “น่าดีใจแทนยายน้อง ที่ลูกสาวน้ารามเป็นคนใจกว้าง และฉันจะยิ่งดีใจ ถ้าเธอเข้าใจและเห็นใจพี่ชายยายน้องบ้าง”
“คนอย่างนายสิงห์ มีอะไรจะให้หนูอย่างฉันต้องมาเห็นใจคุณด้วยเหรอคะ”
“ก็เรื่องที่สัญญากันไว้เมื่อคืนว่าจะรับไปพิจารณาไงล่ะ แหม...ขี้ลืมอย่างนี้มันน่า...” พูดพลางขยับไปใกล้ จนเกือบถึงใบหน้านวลแล้ว ถ้านาราจะไม่ร้องห้ามไว้ แต่สีหนาทก็ไม่สน โวยวายตัดพ้อเหมือนเด็กๆ
“ไม่อย่าล่ะ ถ้ายังชอบทำลืม ก็จะขังไว้ที่นี่แหละ อย่าหวังเลยว่าจะได้ไปเรียนต่อ กลับกรุงเทพฯก็ไม่ให้กลับ”
“นี่คุณขู่ฉันเหรอ”
“ขู่สิ...พอดีกับพ่อแล้ว เรารึก็กลายเป็นสิงห์หัวเน่า ไม่มีใครสน อะไรๆก็พ่อคนเดียว ไม่นึกถึงใจคนอื่นเขาบ้าง”
“คนชอบเรียกร้องความสนใจอย่างคุณ ไม่มีใครลืมได้ง่ายๆหรอกค่ะ...ขอบคุณนะคะ ที่คุณคอยช่วยฉันตลอด คอยให้กำลังใจฉันทุกอย่าง ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็อาจจะไม่ได้ทำความเข้าใจกับพ่อก็ได้...ขอบคุณค่ะคุณสิงห์”
สีหนาทยิ้มตาพราว คว้ามือเธอไปแตะริมฝีปากเบาๆ นาราหน้าแดงก่ำ เขินแทบตาย แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย แถมจูบตรงกลางฝ่ามืออีกต่างหาก ราชสีห์หนุ่มเห็นอาการขืนตัวของเธอก็ชอบใจมาก ยอมปล่อย แต่ไม่วายแกล้งยั่ว
“เอาเถอะ...วันนี้ยอมให้ก่อน ไว้หายเห่อพ่อเมื่อไหร่ เธอไม่มีทางเลี่ยงคำถามฉันได้แน่ หนูนาตัวน้อย!”
ooooooo
จบจากเคลียร์ใจกับพ่อและเจ้านายหนุ่ม นาราก็จัดแจงไปสารภาพความจริงกับเพื่อนสาวร่วมห้อง เพื่อนแท้เพียงคนเดียวในไร่นี้ แป้นถึงกับสำลักข้าว และถึงกับอ้าปากค้าง เมื่ออีกฝ่ายส่งรูปวัยเด็กให้ดู
“คือฉันแยกจากพ่อตั้งแต่เล็กๆ ที่ฉันมาทำงานที่นี่ ก็เพราะว่าฉันมาตามหาพ่อ”
“ไม่อยากจะเชื่อ แล้วนี่แก...ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรก หรือแกกลัวว่าหน้าอย่างฉันจะเก็บฟามลับแกไม่อยู่”
“ไม่ใช่นะแป้น ฉันแค่...อยากจะจัดการเรื่องพ่อให้ได้ก่อน แล้วค่อย...”
“ยังไงก็เถอะ แต่มาโกหกกันแบบนี้ มันไม่เชื่อใจกันนี่หว่า”
“แป้น...ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะแป้น ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ แป้นเป็นเพื่อนดีที่สุดของฉันนะ ถัดจากพ่อกับนายสิงห์ แป้นเป็นคนแรกเลยนะที่ฉันบอก”
คำว่าคนสำคัญทำให้อาการงอนของแป้นคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเพื่อนสาวตัวเล็กทำหน้าจ๋อย บอกว่ามีเวลาอยู่ไร่นี้อีกไม่ถึงเจ็ดวัน ยิ่งหน้าเสีย ไม่อยากให้อีกฝ่ายไปเลย นาราต้องปลอบยิ้มๆ
“ถึงฉันจะเป็นใคร จะไปอยู่ที่ไหน เราก็จะยังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม ตลอดไปนะ”
“แล้วนี่นายเขายอมให้แกไปเหรอ เห็นหวงแล้วก็ติดแกแจอย่างกับอะไร”
0 comments:
Post a Comment