หนุ่มใหญ่ชะตาขาดชวนพรรคพวกไปเก็บขี้ค้างคาวบนเขาจั๊กจั่นหลังวัดถ้ำทอง หวังนำมาขายให้เกษตรกรทำปุ๋ยใส่พืชไร่เป็นรายได้เสริม ขณะยืนสาวเชือกดึงถุงใส่ขี้ค้างคาวขึ้นจากถ้ำ จู่ๆก้อนหินขนาดใหญ่ที่เหยียบอยู่เกิดพังถล่มลงไปในถ้ำ ทับร่างเหยื่อดิ้นทุรนทุรายก่อนสิ้นใจสยอง ทีมกู้ภัยใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะกู้ศพขึ้นมาได้อย่างทุลักทุเล เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเกิดจากฝนตกหนักกัดเซาะดินใต้ก้อนหิน ขณะที่ชาวบ้านลือเป็นอาถรรพณ์เจ้าป่าเจ้าเขา
ชาวบ้านลืออาถรรพ์ หลังถ้ำพังถล่มทับหนุ่มใหญ่เก็บขี้ค้างคาวดับสยอง 1 ศพ เหตุร้ายครั้งนี้เปิดเผยเมื่อช่วงสายวันที่ 17 ม.ค. พ.ต.ท.สุเวช ม่วงทอง พนักงานสอบสวน สภ.หนองม่วง จ.ลพบุรี รับแจ้งมีเหตุก้อนหินบริเวณปากถ้ำขนาดเล็กบนเขาจั๊กจั่น ตั้งอยู่ด้านหลังวัดถ้ำสิทธิตราราม หรือวัดถ้ำทอง หมู่ 4 ต.ชอนสารเดช อ.หนองม่วง เกิดพังถล่มลงมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดค้างอยู่ในถ้ำ ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.สืบพงษ์ ภาษยะวรรณ ผบก.ภ.จ.ลพบุรี พ.ต.อ.ปรารถนา แผ่นผา ผกก.สภ.หนองม่วง และชุดสืบสวน ต่อมานายภานุ แย้มศรี
ผวจ.ลพบุรี พร้อมด้วย นายสมยศ มะลิลา นอภ.หนองม่วง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยในพื้นที่กว่า 100 นาย เดินทางมาสมทบ จุดที่เกิดเหตุเป็นปากถ้ำกว้างประมาณ 1 เมตร อยู่เกือบถึงยอดเขา ลึกลงไปในแนวดิ่งประมาณ 10 เมตร มีก้อนหินพังถล่มลงมาปิดปากถ้ำ เหลือเพียงช่องเล็กๆพอให้คนรูปร่างสันทัดรอดลงไปได้ ภายในถ้ำมืดสนิท เจ้าหน้าที่ได้ใช้ไฟฉายสำรวจค้นหา กระทั่งพบร่างชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าถูกก้อนหินทับได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อนายอุทัย ทองใบ อายุ 50 ปี ต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมถังออกซิเจน ได้ใช้เชือกโรยตัวลงไปให้การช่วยเหลือ แต่การกู้ภัยเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากก้อนหินที่ทับร่างนายอุทัยอยู่มีน้ำหนักมาก หลังผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ปรากฏว่านายอุทัยเสียชีวิตลง แต่การนำศพขึ้นมาด้านบนเป็นไปด้วยความทุลักทุเลและยากลำบาก เพราะปากถ้ำคับแคบ รวมเวลาที่ใช้ในการกู้ภัยนานกว่า 7 ชั่วโมง
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้านายอุทัย ทองใบ ผู้ตาย พร้อมด้วย นายประสงค์ วงศ์มณี อายุ 47 ปี นายวิไล วงศ์มณี อายุ 44 ปี 2 พี่น้อง และนายเสถียร วิมล อายุ 63 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ชอนสารเดช ได้ชักชวนกันมาเก็บขี้ค้างคาวในถ้ำดังกล่าว ซึ่งเคยมาเก็บไปเป็นประจำ เพื่อนำไปขายให้เกษตรกรใช้ทำเป็นปุ๋ยใส่ในแปลงพืชไร่ เมื่อมาถึงนายอุทัย กับนายเสถียร รออยู่ด้านบนปากถ้ำ ส่วนนายประสงค์และนายวิไลนำถุงปุ๋ยไต่เชือกลงไปในถ้ำเพื่อเก็บขี้ค้างคาวใส่ถุงปุ๋ย แล้วมัดเชือกส่งขึ้นมาให้เพื่อนดึงขึ้นมายังปากถ้ำระหว่างที่นายอุทัย ดึงถุงขี้ค้างคาวขึ้นมา จู่ๆก้อนหินที่นายอุทัยเหยียบอยู่ตรงปากถ้ำได้เกิดพังถล่มลงไป ทำให้นายอุทัยเสียหลักตกลงไปในถ้ำและถูกก้อนถินที่ถล่มลงมาทับซ้ำจนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ส่วนนายประสงค์ และนายวิไล ที่อยู่ด้านล่างของถ้ำหลบทันไม่ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นทั้งคู่ได้ไต่เชือกขึ้นมาแจ้งให้ชาวบ้านทราบ และให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุที่หินปากถ้ำถล่มในครั้งนี้ น่าจะมาจากที่ในช่วงหลายวันก่อนหน้านี้ มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ดินที่ประคองก้อนหินอยู่ถูกน้ำกัดเซาะ เป็นเหตุให้ก้อนหินเกิดการเคลื่อนตัว เมื่อนายอุทัยขึ้นไปเหยียบบนก้อนหินที่ไม่มีดินรองรับอยู่ด้านล่าง จึงเกิดพังถล่มลง ขณะที่ชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเกิดจากอาถรรพ์ เพราะผู้ตายอาจไม่ได้ทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา ทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
ด้านนายภานุ แย้มศรี ผวจ.ลพบุรี กล่าวว่า ขี้ค้างคาวถือว่าเป็นทรัพยากรที่ต้องห้ามตามกฎหมาย หากผู้ใดนำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิด แต่วิถีชีวิตของชาวบ้านก็มีความจำเป็นที่จะต้องนำมาใช้ในการทำปุ๋ยให้แก่พืชไร่ จึงลักลอบกระทำความผิดกันอยู่บ่อยครั้ง จำเป็นที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านให้มากขึ้น ต่อจากนี้ไปคงต้องให้เจ้าหน้าที่กวดขันมากขึ้น เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก และขอให้ผู้นำชุมชนไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่มีอาชีพเก็บขี้ค้างคาวขาย หรือนำไปใส่ในสวน ไร่ นา เพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหาร ขอให้ดูแลในเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลักด้วย

0 comments:

Post a Comment

 
Top