แฟ้มคดี
โด่งดังเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน แต่คงไม่ใช่สิ่งน่าปลื้มสักเท่าใด
สำหรับ ดีเจ.เก่ง ภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ ดีเจ.คลื่นวิทยุสวีท 89.5 วิทยุราชมงคลธัญบุรี จากเหตุการณ์คลิปฉาว อ้างถูกขับรถชนท้าย พร้อมขอความเห็นใจจากสังคม

แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่แท้ดีเจ.เก่ง ต่างหาก ที่เป็นคนถอยรถชนรถคู่กรณี
แถมไม่ใช่ถอยชนเพียงครั้งเดียว!??
เท่านั้นกระแสสังคมก็โจมตีเสียจนยับเยิน จนแทบไม่มีที่ยืน
ถือเป็นปรากฏการณ์ของสังคมออนไลน์ ที่แผ่ขยายในสังคมจริงๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เปิดคลิปดีเจ.กุถูกชนท้าย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 8 ม.ค. โดยตำรวจสน.ดินแดง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท มีการถอยรถชนกัน เหตุเกิดที่ถนนมิตรไมตรี ใกล้ปั๊มปตท. แขวงและเขตดินแดง
สำหรับคู่กรณีคือ นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ หรือ ดีเจ.เก่ง อายุ 35 ปี ดีเจ.คลื่นวิทยุสวีท 89.5 วิทยุราชมงคลธัญบุรี ขับโตโยต้าวีโก้ สีดำ ทะเบียน 9645 กทม. ขณะที่อีกฝ่ายคือ นายกวินกาญจน์ ศรีฤาชา อายุ 32 ปี เจ้าของเก๋งยาริส สีแดง ทะเบียน กศ 8399 ขอนแก่น
จึงเชิญตัวทั้งคู่ไปสงบสติอารมณ์ที่ สน. พร้อมเจรจาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งดีเจ.เก่งยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ถอยรถชนยาริสสีแดงจริง และยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ขณะที่นายกวินกาญจน์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไร
เรื่องคดีเหมือนจะจบลงด้วยดี
แต่ไม่ใช่กรณีกับในโลกออนไลน์ เมื่อคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป โดยคลิปดังกล่าวเป็นภาพชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถกระบะสีดำที่จอดอยู่ข้างหน้า และมีรถเก๋งโตโยต้ายาริสจอดต่อท้าย พร้อมถือเหล็กกากบาทสำหรับเปลี่ยนล้อรถ พร้อมพูดโทรศัพท์มือถือเหมือนจะคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่เจ้าของเก๋งยาริสเดินปรี่เข้าไปหา โดยชายเสื้อฟ้าถามกลับว่ามีอะไร จนกระทั่งมีชาวบ้านมาแยกทั้งคู่ออกจากกัน

ต่อมาเป็นช่วงที่ชายหนุ่มเสื้อฟ้าระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผมเลี้ยวรถอยู่ในเลนผม แล้วก็มีรถพยายามปาดเข้ามา แต่ผมไม่ให้เขาเข้า เพราะคันอื่นก็ต่อๆ กันมาทั้งนั้น ผมเลยขับมาในเลนผม ทีนี้เขาวิ่งจากรถมาทุบกระจกผม แล้วขับรถจะชนผม ผมก็กลัว แล้วนี่ก็ชนท้ายผมอย่างที่เห็น หลังจากนั้นเขาก็ลงมาจะทำร้ายผมอีก แต่ดีที่พี่วินมอเตอร์ไซค์มาห้ามไว้ ผมก็เลยรอด
พร้อมทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำว่า ต้องขอความเห็นใจด้วยครับ เจอคนแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ
แต่แล้วท้ายคลิปดังกล่าวกลับระบุถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ กลับเป็นภาพของรถกระบะถอยหลังพุ่งชนรถเก๋งคันดังกล่าว ถึง 2 ครั้งซ้อน จนกระทั่งกันชนท้ายเกยไปถึงฝากระโปรงเก๋งยาริส
กลับตาลปัตรกับที่หนุ่มคนดังกล่าวเล่าเหตุการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง!??
สังคมถล่ม-เจ้าตัวอ้างป้องกันตัว
สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความไม่พอใจที่ ดีเจ.เก่ง พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ถึงขั้นไปเช็กประวัติจนพบว่าที่ผ่านมาดีเจ.เก่งเคยประสบเหตุเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณีมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
พร้อมเกิดกระแสกดดันในทุกๆ ด้าน โดยหนึ่งในนั้นก็คือคลื่นวิทยุต้นสังกัดของดีเจ.เก่งนั่นเอง จนกระทั่ง นายประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ต้องออกคำสั่งให้นายภัทรศักดิ์ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ดีเจ. คลื่น 89.5 เมกะเฮิร์ตซ์ วิทยุราชมงคลธัญบุรี เนื่องมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะคลื่น 89.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานทางการศึกษา
ไม่เพียงแค่นั้นยังร่วมกันล่าชื่อเพื่อให้เพิกถอนใบขับขี่ตลอดชีวิตอีกด้วย
หลังเผชิญกับกระแสกดดันจากสังคม วันรุ่งขึ้นดีเจ.เก่ง พร้อมภรรยา ก็เดินทางเข้าพบพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ที่สน.ดินแดง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมเปิดเผยกับสื่อด้วยน้ำตานองหน้าว่า ขอโทษประชาชนกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอความยุติธรรมด้วย เพราะตนไม่เคยทำใครก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นคนถอยรถไปชนจริง ซึ่งจะยอมรับผิดในส่วนนี้
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าตนขับรถมาในเลน แล้วถูกคู่กรณีขับตีคู่มา และพยายามเบียด แต่ตนไม่ยอม จังหวะนั้นเห็นอีกฝ่ายชูนิ้วกลางให้ จึงชูนิ้วกลางกลับ จนคู่กรณีลงจากรถแล้วทุบกระจกรถตนอย่างแรง จากนั้นเดินกลับขึ้นรถ ก็ไม่รู้ว่าไปเอาอะไร จึงทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง
ส่วนที่พูดในคลิปนั้น เป็นเพราะมีคนมาถาม ตอนนั้นก็เลยพูดไปโดยที่คิดไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดรถชนมาก่อนหน้านี้ทุกครั้ง ตนเป็นฝ่ายทำถูกกฎจราจรทั้งหมด สามารถตรวจสอบกับบริษัทประกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
พร้อมประกาศจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ทำเฟซบุ๊กปลอมในโลกออนไลน์ แล้วนำไปโพสต์ข้อความที่ทำให้เสียหาย
นอกจากนี้เรื่องยังบานปลายไปอีก เมื่อมีผู้โพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าที่จริงแล้วเก๋งยาริสนี่แหละเป็น ตัวต้นเรื่อง แถมยังเป็น ผู้ขับรถชนท้ายปิกอัพของดีเจ.เก่งก่อนจะเกิดเรื่องตามคลิปเสียอีก

จนกระทั่งนายกวินกาญจน์ คู่กรณีออกมาชี้แจงอีกครั้งว่าวันเกิดเหตุตนถูกเบียดจนหลุดออกไปอีกเลน ซึ่งเป็นเลนสวน จึงพยายามจะหักกลับเข้ามา แต่รถวีโก้ไม่ยอม แถมชูนิ้วกลางใส่ จึงโมโห วิ่งลงไปทุบกระจกจริงเพื่อจะเรียกลงมาคุย แต่คู่กรณีไม่ลง จึงเดินกลับไปรถ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามคลิป
ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนชูนิ้วกลางใส่ก่อน หรือชนท้ายวีโก้ก่อนแต่อย่างใด
สรุปผิดทั้งคู่-บทเรียนครั้งใหญ่
เมื่อสิ่งที่ทั้งคู่ยืนยันไม่ตรงกัน ย่อมแสดงว่ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ทางที่จะรู้ได้ก็คือการเปิดกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดินแดง ได้เชิญคู่กรณีทั้งสองมาดูภาพจากกล้องวงจรปิดของกทม. ที่จับภาพขณะรถทั้งคู่เลี้ยวซ้ายมาจากถนนวิภาวดีรังสิต เข้าถนนมิตรไมตรี
ภาพที่ปรากฏก็คือการจราจรที่ติดขัด รถที่รอเลี้ยวซ้ายก็วิ่งตามกันมา จนกระทั่งใกล้แยก เก๋งยาริสกลับออกขวามาเพื่อจะแซงปาดหน้ารถกระบะวีโก้ของดีเจ.เก่ง แต่ไม่ยอมให้เบียดจนกระทั่งเก๋ง ยาริสต้องหลบเข้าไปอยู่หลังวีโก้
จากนั้นเมื่อรถติดไฟแดง นายกวินกาญจน์ก็หุนหันลงจากรถพุ่งไปที่รถวีโก้ ก่อนเดินกลับมาขึ้นรถ ทันใดนั้นรถวีโก้ก็ถอยหลังพุ่งชน ก่อนเดินหน้าออกไป แล้วเก๋งยาริสจึงขับตามออกไป
ส่วนเหตุการณ์ต่อจากนั้นเมื่อขับไปได้ สัก 10 เมตร ดีเจ.เก่งก็จอดรถ ขณะที่นายกวินกาญจน์ลงจากรถอีกครั้ง และเมื่อกลับขึ้นรถก็ถูกดีเจ.เก่งถอยรถชนอีก 2 ครั้งซ้อน
รวมทั้งหมด 3 ครั้ง โดยเก๋งยาริสไม่ได้เป็นฝ่ายชนก่อนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พบว่านายกวินกาญจน์เองก็มีความผิดข้อหาแซงในที่คับขัน มีอัตราโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท นายกวินกาญจน์ยอมให้ปรับในอัตราโทษสูงสุดคือ 1,000 บาท
ส่วนนายภัทรศักดิ์ หรือดีเจ.เก่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องใน 3 ข้อหา คือขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น, ทำร้ายร่างกายโดยไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจ โดยทั้งหมดมีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และจำคุก ไม่เกิน 3 เดือน
ส่วนเรื่องของใบอนุญาตขับขี่นั้น นายณันทพงศ์ เชิดชู ผอ.สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ทำหนังสือเรียกตัวนายภัทรศักดิ์ หรือดีเจ.เก่ง และนายกวินกาญจน์ มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ถ้อยคำ ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ
เบื้องต้นขบ.ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ลงโทษยึดใบขับขี่นายภัทรศักดิ์เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากผู้กระทำผิดได้รับสารภาพแล้ว อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่จงใจและเป็นเหตุที่มีความรุนแรง ส่วนการลงโทษนายกวินกาญจน์ จะต้องรอการรับฟังข้อมูลก่อน หากพิจารณาแล้วว่ากระทำผิดก็อาจมีการลงโทษเพิ่มได้
เป็นผลจากการใช้อารมณ์ชั่ววูบ ที่ทุกฝ่ายต้องเก็บเป็น บทเรียน
0 comments:
Post a Comment